วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข้อดีของ SIS

ตลาด ICT ของไทยมูลค่าโดยประมาณคือแสนล้าน ซึ่งเกิดจาก Hardware + Software + Service + Mobile

SiS มีฐานผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม H/W & Mobile เป็นหลัก ถ้าอ้างอิงจากตัวเลข 56-1 ซึ่งเป็นตัวเลข NECTEC จะอยู่ที่ เจ็ดหมื่นล้าน (ซึ่งน่าจะไม่ได้รวม Mobile) และ SIS มีส่วนแบ่งล่าสุดคือ 18% ใน 2552

ที่เหลือหายไปไหน ?
ถ้าเรานับ Distributor ในไทยขนาดใหญ่ก่อน มีอยู่ 3 ราย คือ SiS / Value ECS / Synnex แต่ละรายจะมียอดขายประมาณ 13,000 ล้าน และ Distri ขนาดกลางอีก 2 เจ้าคือ Ingram / DCom รายละ 8,000 ล้าน ส่วน Com7, A&L อยู่ราวๆ 3,000 ล้าน และบรรดารายย่อยคือ M-tech, ACA Pacific, Digiland ฯลฯ และอื่นๆ รวมกันราวๆ 3000 ล้าน รวมๆ กันอยู่ประมาณ 65,000 ล้านบาท (ซึ่งกลุ่มนี้ข้างต้นทั้งหมดเราเรียกว่า 2-Tier model คือ Vendor > Distri > resellers > Enduser ผ่าน 2 ชั้นก่อนถึงผู้ใช้ )

อีก 20,000 ล้าน เป็นยอดขายประเภท 1-tier และ Direct Sales (หมายถึง จาก Vendor ไปยัง Reseller > End User และ Direct Sales หมายถึง Vendor > User ตรง) ของ Vendor ไปยังลูกค้า อาทิ เช่น Oracle, IBM, Lenovo, Dell, Toshiba รวมไปถึงบรรดา Project พวก telecom อย่าง Huawei / Cisco / Nokia ฯลฯ ซึ่งพวกนี้เราจะไม่ค่อยได้สัมผัสกัน..ที่เราพูดคุยกันส่วนใหญ่ คือ ตลาด Retail หน้าร้านพันธ์ทิพย์ ตลาด Notebook หรือตลาดมือถือส่วนของ Handset ซึ่งเป็นส่วนผู้ใช้รายย่อยๆ ของตลาด Telecom ในสองหรือสามหน้าก่อนนี้ ผมได้เคยบอกไปแล้วด้วยเช่นกัน ว่าภาพที่เราเห็นนั้น แสดงแค่ราวๆ 60% ของยอดขาย และแสดงแค่ 50% ของกำไร เพราะสินค้ากลุ่ม retail นั้นมีกำไรต่ำ ส่วนสินค้าพวกที่ขายเป็น project จะมีกำไรสูงกว่ามาก (อย่างน้อย 1 เท่าตัว)

ในเชิงของ Distributor ใหญ่ 3 ราย มีขนาดพอๆ กัน มีกลุ่มลูกค้าซ้ำกันราวๆ 70-80% จุดแข็งสำคัญในการสู้กับคู่แข่ง มีสอง factor หลัก คือ Operating Cost ต้องต่ำที่สุด และ Cover ตลาดให้ได้มากที่สุด

เพราะโดยความคิดของคนทั่วไปจะมองว่า Distri คือ ยี่ปั๊ว เป็นเสือนอนกิน โดยมีค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าราวๆ 5% หากตัดคนกลางได้ต้นทุนก็จะต่ำลง

ดังนั้นสินค้าใหม่ๆ เมื่อเข้าตลาด จะต้องอาศัยโครงข่ายของ Distri ในการกระจายสินค้า เพราะมี Economy of scale ส่วนบรรดาสินค้าที่มีขนาดตลาดใหญ่ ก็มักจะเริ่มขายโดยตัด Distir ออกไป แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นกับโครงสร้างการจัดการต้นทุนของ Vendor / Distri / reseller เองด้วย

อะไรเป็นจุดแข็งของ SiS
> เป็น Distri ที่มี Sales เก่งที่สุดในการขายสินค้า Project (และ Synnex อ่อนที่สุด)
> กำลังขยายตลาดไปยังตลาดต่างจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ขายสินค้าหลักของ Synnex
> สินค้า Project มีกำไรสูงกว่าสินค้า retail
> การคำนวณมูลค่าสำรองต่างๆ อาทิ หนี้สูญ หรือสินค้าเสื่อมสภาพ เป็นไปแบบ Agressive ทีสุด แปลว่า ปลอดภัยสำหรับผู้ถือหุ้น โอกาสเกิด Bad Surprise น้อย แต่โอกาสเกิด Good Surprise มีมากกว่า
> มีการใช้ Financial Tool ต่างๆ เพื่อมาช่วยทำให้ เกิดการซื้อขายสินค้าได้คล่องขึ้น เช่น Factoring / dealer financing / credit insurance ฯลฯ (เป็น Distri ที่จัดการเรื่องนี้เก่งที่สุดใน 3 ราย)

ขอขอบคุณ คุณProxity จาก thaivi ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น